Allopurinol คือยาที่ใช้รักษาโรคเกาต์ (Gout) โรคนิ่วในไตบางชนิด และใช้ป้องกันการเพิ่มของระดับกรดยูริก (Uric acid) ในเลือดสำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่รักษาด้วยเคมีบำบัด ผู้ป่วยโรคมะเร็งในลักษณะนี้มักมีระดับกรดยูริกในร่างกายสูงขึ้น เนื่องจากเซลล์มะเร็งที่ตายจะปลดปล่อยกรดยูริกออกมา การทำงานของยาลดกรดยูริคคือลดการสร้างกรดยูริกของร่างกาย การเพิ่มขึ้นของระดับกรดยูริกนี้คือสาเหตุของโรคเกาต์และโรคไต
สาเหตุของโรคเกาต์
โรคเกาต์ (gout) เป็นโรคข้ออักเสบชนิดหนึ่ง เป็นอาการที่มีการสะสมของผลึกเกลือโมโนโซเดียมยูเรต ในน้ำของไขข้อและเนื้อเยื่อต่าง ๆ จึงทำให้ข้อบวม แดง รู้สึกร้อน และมีอาการปวด สาเหตุเกิดจากกรดยูริกในเลือดสูงผิดปกติ (hyperuricemia) มาอย่างต่อเนื่อง โรค gout รักษาด้วยยาที่ใช้บรรเทาอาการปวดเฉียบพลัน ลดการอักเสบ และยาลดระดับกรดยูริกในเลือด ทั้งชนิดที่ยับยั้งการสร้างกรดยูริกที่เกิดจากเอนไซม์ xanthine oxidase ชนิดที่ช่วยขับกรดยูริกออกทางปัสสาวะ (uricosuric drugs) และชนิดที่ออกฤทธิ์ย่อยกรดยูริก การรักษาโรคเกาต์ด้วยการควบคุมกรดยูริกในเลือดนั้น โดยทั่วไปมักใช้ยามากกว่า 1 ชนิด ตามการวินิจฉัยของแพทย์
ข้อบ่งชี้การใช้ยา Allopurinol
การวินิจฉัยเพื่อใช้ Allopurinol dose เพื่อการรักษาจะพิจารณาจากอาการต่อไปนี้
- เกิดอาการข้ออักเสบกำเริบมากกว่า 2 ครั้งต่อปี
- เกิดอาการบวมตามอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
- เกิดนิ่วในทางเดินปัสสาวะ
- ระดับกรดยูริคในเลือดเท่ากับ 9 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรหรือสูงกว่า
- พบการขับยูริคออกทางไตเท่ากับหรือสูงกว่า 800 มิลลิกรัมต่อวัน
วิธีการใช้ยา Allopurinol
- รับประทานหลังอาหารทันที เพื่อลดอาการระคายเคืองในท้อง
- หากรับประทานยา Allopurinol มากกว่าวันละ 300 มก. ควรแบ่งรับประทานยาวันละหลายครั้ง
- ดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
- โดยทั่วไปแพทย์จะเริ่มการรักษาด้วยยาลดกรดยูริค Allopurinol ปริมาณต่ำ ๆ ก่อน เพื่อพิจารณาปฏิกิริยาตอบสนองต่อยาของผู้ป่วย
- การรับประทานยาให้ปฏิบัติตามที่แพทย์สั่ง
- หากลืมกินยา ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่าในมื้อต่อไป
- บางครั้งอาจต้องรับประทานยาไปหลายเดือนจึงจะเห็นผลการรักษา
- ช่วงเริ่มต้นที่ใช้ยา อาการของโรคเกาต์อาจยังกำเริบอยู่ จึงต้องให้ยาแก้ปวดควบคู่ไปด้วย
คำเตือนของการใช้ยา Allopurinol
- ห้ามขับขี่ยานพาหนะ ใช้เครื่องจักร หรือทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงหรือใช้สมาธิสูงในขณะใช้ยา เพราะยาชนิดนี้อาจเกิดผลข้างเคียงคืออาการง่วงซึม อาจทำให้กระบวนการคิด หรือปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งต่าง ๆ ล่าช้าขึ้น
- ห้ามใช้ยานี้ ในกรณีที่เคยมีอาการแพ้ยามาก่อน และควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา หรือในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการแพ้ยา หรือสารชนิดใด ๆ มาก่อน ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนให้การรักษาด้วยยานี้
- ควรใช้ยาตามปริมาณและวิธีที่แพทย์กำหนด ห้ามให้ผู้อื่นใช้ยานี้ หรือห้ามใช้ยานี้ร่วมกับผู้อื่น
- แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา เกี่ยวกับอาการป่วยอื่น ๆ หรือประวัติในการรักษาโยเฉพาะที่เกี่ยวกับภาวะความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคตับ โรคไต โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง
- แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา ในกรณีที่ผู้ป่วยกำลังใช้ยา สมุนไพร อาหารเสริม หรือเข้ารับการรักษาชนิดใด ๆ อยู่ เพราะแพทย์อาจพิจารณาผลกระทบของตัวยา หรือปริมาณการใช้ยาได้
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้ประสิทธิภาพของยาลดลง
- แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา หากผู้ป่วยกำลังวางแผนมีบุตร กำลังตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาอาจส่งผลกระทบต่อทารกได้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วยคนอื่น ๆ หรือผู้ป่วยที่มีภาวะติดเชื้อต่าง ๆ ในขณะใช้ยา เพราะยาลดยูริคสามารถลดจำนวนของเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่ต้านทานการติดเชื้อได้ ผู้ป่วยจึงมักมีความเสี่ยงสูงที่จะเจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ ได้ง่ายมากขี้น รวมทั้งความเสี่ยงที่จะมีเลือดออกได้ง่ายขึ้น เใื่อได้รับบาดเจ็บต่าง ๆ แพทย์จึงต้องทำการตรวจเช็คผลเลือดของผู้ป่วยอยู่เสมอ
Allopurinol side effect
ผลข้างเคียงของยาลดยูริคที่รุนแรง มักพบได้ไม่บ่อย แต่ควรหยุดยาและพบแพทย์ ดังนี้
- เกิดผื่น
- ปัสสาวะเจ็บแสบและขัด
- ปัสสาวะมีเลือดปะปน
- หนังตา และริมฝีปากบวม
- ไข้สูง หนาวสั่น และเจ็บคอ
- เบื่ออาหาร
- น้ำหนักตัวลด
- คันตามเนื้อตัว
อาการแพ้ยาลดกรดยูริค Allopurinol ที่พบได้บ่อย คือ
- จุกเสียด และแน่นท้อง
- ท้องร่วง
- รู้สึกมึนงง
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://medlineplus.gov/druginfo/meds/a604008.html
- https://www.healthline.com/health/tadalafil-oral-tablet
- https://www.drugs.com/tadalafil.html
No Responses