- จุดเด่นของทาดาลาฟิล
- ข้อควรระวังที่สำคัญ
- Tadalafil คืออะไร
- ผลข้างเคียงของทาดาลาฟิล
- ทาดาลาฟิลอาจเกิดปฏิกิริยาต่อกันกับยาอื่นๆ
- ข้อควรระวัง
-
วิธีใช้ยา
- ขนาดยา
- สำหรับต่อมลูกหมากโต (benign prostatic hyperplasia :BPH)
- สำหรับภาวะอวัยวะเพศไม่แข็งตัว (erectile dysfunction :ED)
- สำหรับภาวะอวัยวะเพศไม่แข็งตัวและต่อมลูกหมากโต (erectile dysfunction and benign prostatic hyperplasia :ED/BPH)
- สำหรับความดัลโลหิตสูงภายในปอด (pulmonary arterial hypertension :PAH)
- ข้อควรพิจารณาในการให้ยาขนาดพิเศษ
- รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง
- ข้อควรพิจารณาที่สำคัญ
จุดเด่นของทาดาลาฟิล
- ทาดาลาฟิลชนิดเม็ดรับประทานมีทั้งแบบยาสามัญและยาทางการค้า โดยชื่อยาทางการค้าคือ Cialis, Adcirca
- ทาดาลาฟิลมีแต่แบบชนิดเม็ดรับประทานเพียงอย่างเดียว
- ทาดาลาฟิลใช้ในการรักษาอาการในผู้ชายอยู่ 2 สภาวะ: ต่อมลูกหมากโต (benign prostatic hyperplasia :BPH) และ อวัยวะเพศไม่แข็งตัว (erectile dysfunction :ED) ซึ่งก็มีการใช้ทาดาลาฟิลในการรักษาภาวะความดันโลหิตในปอดสูง(pulmonary arterial hypertension :PAH)ด้วยเช่นกัน
ข้อควรระวังที่สำคัญ
- โรคหัวใจ: ไม่ควรใช้ยาทาดาลาฟิลเมื่อคุณมีอาการของโรคหัวใจและแพทย์ได้แนะนำให้หลีกเลี่ยงกิจกรรมทางเพศ รีบโทรแจ้งหน่วยฉุกเฉินหากคุณมีอาการของโรคหัวใจขณะมีกิจกรรมทางเพศ เช่น อาการเจ็บแน่นหน้าอก, เวียนศีรษะ หรือคลื่นไส้ กิจกรรมทางเพศทำให้เกิดแรงกดดัน หรือสร้างสภาวะเครียดให้กับหัวใจของคุณ โดยเฉพาะเมื่อหัวใจของคุณพร้อมที่จะอ่อนแรงจากภาวะหัวใจล้มเหลวหรือโรคหัวใจ
- ภาวะองคชาตแข็งค้าง (Priapism) : เป็นภาวะที่องคชาตแข็งตัวค้างอยู่อย่างนั้น แม้ว่าจะไม่ได้รับการกระตุ้นเพิ่มอีกก็ตาม หากไม่ได้รับการรักษาอาจเกิดความเสียหายกับองคชาตอย่างถาวร ซึ่งควาเสียหายที่สำคัญคือการที่องคชาตอาจไม่สามารถกลับมาแข็งตัวได้อีก หากองคชาตแข็งตัวนานกว่า 4 ชม.ควรแจ้งแพทย์โดยเร็ว
Tadalafil คืออะไร
ทาดาลาฟิล (Tadalafil) เป็นยาที่ต้องมีใบสั่งแพทย์ เป็นยาที่มาในรูปแบบเม็ดรับประทาน
ทาดาลาฟิลชนิดเม็ดรับประทานมีทั้งแบบที่เป็นตัวยาสามัญและตัวยาทางการค้าชื่อ Cialis และ Adcirca ซึ่งตัวยาสามัญมักมีราคาที่ถูกกว่า แต่บางครั้งอาจมีขนาดยาที่ไม่หลากหลายเมื่อเทียบกับตัวยาทางการค้า
Cialis ใช้เพื่ออะไร
Cialis ใช้ในการรักษาผู้ชายที่มีปัญหาต่อมลูกหมากโต หรือ อวัยวะเพศไม่แข็งตัว หรือทั้งสองอย่าง ส่วน Adcirca ใช้ในการรักษาภาวะความดันโลหิตภายในปอดสูง
ต่อมลูกหมากโต เป็นภาวะที่ต่อมลูกหมากมีขนาดใหญ่ขึ้นผิดปกติแต่ไม่ใช่เนื้อร้าย โดยภาวะดังกล่าวจะไปกดเบียดท่อปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะลำบาก, ปวดเวลาปัสสาวะ และทำให้ต้องปัสสาวะบ่อยครั้ง
ภาวะอวัยวะเพศไม่แข็งตัว เป็นภาวะที่องคชาตมีเลือดมาเลี้ยงไม่เพียงพอที่จะทำให้เกิดการแข็งตัวและเพิ่มขนาดเวลามีการตื่นตัวทางเพศเกิดขึ้น ซึ่งภาวะอวัยวะเพศไม่แข็งตัวสามารถป้องกันได้หากอวัยวะเพศยังคงแข็งตัว
ภาวะความดันโลหิตภายในปอดสูง เป็นภาวะที่พบได้น้อย แต่เป็นภาวะความดันโลหิตสูงที่สำคัญ โดยเกิดขึ้นภายในหลอดเลือดแดงภายในปอด ซึ่งเป็นหลอดเลือดที่มาเลี้ยงปอด
การออกฤทธิ์
ทาดาลาฟิลถูกจัดให้อยู่ในยากลุ่มยับยั้งฟอสโฟไดเอสเตอเรส ชนิดที่ 5 (phosphodiesterase type 5 (PDE5) inhibitors)
ทาดาลาฟิลอาจช่วยให้กล้ามเนื้อต่อมลูกหมากและกระเพาะปัสสาวะผ่อนคลาย ช่วยบรรเทาอาการต่อมลูกหมากโตให้ดีขึ้น
ทาดาลาฟิลยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดมายังองคชาต ทำให้ผู้ชายสามารถเกิดการแข็งตัวของอวัยวะเพศและคงอยู่อย่างนั้น จึงเป็นการบรรเทาอาการองคชาตไม่แข็งตัวได้ แต่คุณต้องมีอารมณ์ทางเพศร่วมด้วยยาถึงจะออกฤทธิ์ช่วยให้อวัยวะเพศแข็งตัว
สำหรับภาวะความดันโลหิตภายในปอดสูง ทาดาลาฟิลจะทำให้หลอดเลือดภายในปอดคลายตัว เพิ่มการไหลเวียนของเลือดมายังปอด
ผลข้างเคียงของทาดาลาฟิล
ทาดาลาฟิลชนิดเม็ดรับประทานมักไม่ทำให้เกิดอาการง่วงนอน เว้นเสียแต่เกิดจากสาเหตุอื่น
ผลข้างเคียงทั่วไป
ผลข้างเคียงทั่วไปที่เกิดขึ้นได้ เช่น:
- ปวดศีรษะ
- ปวดท้อง
- ปวดหลัง
- ปวดกล้ามเนื้อ
- เกิดรอยแดงตามผิวหนัง (flushing)
- คัดจมูก น้ำมูกไหล
- ท้องร่วง
หากมีอาการเพียงเล็กน้อย อาการเหล่านั้นจะหายไปเองในไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ แต่หากมีอาการรุนแรงขึ้นและไม่มีทีท่าว่าจะหาย ให้ไปพบแพทย์หรือปรึกษาเภสัชกร
ผลข้างเคียงที่รุนแรง
หากคุณมีอาการที่รุนแรงจนคุกคามชีวิต ให้รีบโทรหาหน่วยฉุกเฉิน 1669 เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที อาการได้แก่:
- องคชาตแข็งค้าง (Priapism):
- องคชาตเกิดการแข็งตัวอย่างอยู่อย่างนั้น ทำให้เจ็บปวดมาก
- การมองเห็นเปลี่ยนไป:
- เห็นแสงทีฟ้าเวลามองไปที่วัตถุ
- บอกความแตกต่างระหว่างสีเขียวกับสีฟ้าได้ยากมาก
- การมองเห็นลดลงอย่างกระทันหันจากตาข้างเดียวจนลามเป็นทั้งสองข้าง
- ผมร่วง:
- ผมหลุดร่วงอย่างรวดเร็ว
- ได้ยินเสียงดังภายในหู
- เวียนศีรษะ
- ความดันโลหิตต่ำ:
- รู้สึกมึนงง หรือวิงเวียนศีรษะ
- เป็นลม
- เจ็บแน่นหน้าอก (Angina)
คำเตือน: จุดมุ่งหมายของเราเป็นการให้ข้อมูลที่เป็นปัจจุบันมากที่สุด ถึงแม้ว่าผลข้างเคียงของยาที่กล่าวไปอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน ซึ่งทางเราไม่สามารถยืนยันได้ว่าข้อมูลที่ให้ไปจะเกิดขึ้นทั้งหมด ฉะนั้นไม่สามารถนำข้อมูลดังกล่าวแทนคำแนะนำทางการแพทย์ได้ คุณควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับผลข้างเคียงที่เป็นไปได้ และแจ้งประวัติทางการแพทย์ของคุณให้ครบถ้วน
ทาดาลาฟิลอาจเกิดปฏิกิริยาต่อกันกับยาอื่นๆ
ทาดาลาฟิลชนิดเม็ดรับประทานสามารถเกิดปฏิกิริยาต่อกันกับยาอื่นๆ, วิตามิน หรือสมุนไพรที่คุณรับประทาน การเกิดปฏิกิริยาต่อกันจะเกิดเมื่อส่วนประกอบของยาแต่ละตัวเปลี่ยนการออกฤทธิ์ของยา ซึ่งอาจเป็นอันตรายหรือป้องกันไม่ให้ยาออกฤทธิ์ได้
เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปฏิกิริยาต่อกันของยา แพทย์จะบริหารยาทั้งหมดของคุณอย่างระมัดระวัง คุณควรแจ้งรายการยาทั้งหมดที่คุณรับประทานแก่แพทย์ เพื่อค้นหาว่ายาตัวไหนก่อปฏิกิริยาต่อกันบ้าง
ตัวอย่างยาที่อาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาต่อกันกับทาดาลาฟิล
กลุ่มยาที่มีผลต่อความดันโลหิต
โดยยากลุ่มที่จะกล่าวต่อไปนี้จะมีผลต่อความดันโลหิต ทำให้ความดันโลหิตของคุณต่ำอย่างกระทันหัน ต่ำถึงขั้นอันตรายได้ เป็นสาเหตุให้วิงเวียนศีรษะและเป็นลมในเวลาต่อมา
ยาขยายหลอดเลือด (nitrates)
- nitroglycerin
- isosorbide dinitrate
- isosorbide mononitrate
- amyl nitrite
- butyl nitrite
ยาลดความดันโลหิตหรือยารักษาต่อมลูกหมาก (alpha blockers)
- terazosin
- tamsulosin
- doxazosin
- prazosin
- alfuzosin
นอกจากภาวะความดันโลหิตต่ำอย่างรุนแรงแล้ว อาจมีปัญหาทางด้านการมองเห็นเพิ่มเข้ามา และนำไปสู่ปัญหาองคชาตแข็งค้าง (priapism)
ยารักษาเอชไอวีบางชนิด
- ritonavir
- lopinavir/ritonavir
ยาฆ่าเชื้อราในช่องปาก (Oral antifungal drugs)
- ketoconazole
- itraconazole
ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics)
- clarithromycin
- erythromycin
- telithromycin
ส่วนยาปฏิชีวนะตัวอื่นๆที่จะออกฤทธิ์ได้น้อยลงเมื่อใช้ร่วมกับทาดาลาฟิล ซึ่งจะไปลดปฏิกิริยาต่อกันของทาดาลาฟิลลวได้ เช่น:
- rifampin
ยารักษาภาวะอวัยวะเพศไม่แข็งตัวตัวอื่นๆ
ใช้หลักกการออกฤทธิ์คล้ายๆกันกับทาดาลาฟิล ฉะนั้นหากรับประทานยาเหล่านี้ร่วมกันก็จะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียงได้ ตัวยาได้แก่:
- sildenafil
- vardenafil
ยาลดความดันโลหิตภายในปอด
- riociguat
ยาที่ไปช่วยเพิ่มการดูดซึมทาดาลาฟิล
ยาลดกรดในกระเพาะอาหาร
- magnesium hydroxide/aluminum hydroxide
ยาที่ทำให้ระดับทาดาลาฟิลในเลือดต่ำลง ส่งผลป้องกันผลข้างเคียงจากทาดาลาฟิล
ยากันชัก (Epilepsy drugs)
- carbamazepine
- phenytoin
- phenobarbital
คำเตือน: จุดมุ่งหมายของเราเป็นการให้ข้อมูลที่เป็นปัจจุบันมากที่สุด ถึงแม้ว่าผลข้างเคียงของยาที่กล่าวไปอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน ซึ่งทางเราไม่สามารถยืนยันได้ว่าข้อมูลที่ให้ไปจะเกิดขึ้นทั้งหมด ฉะนั้นไม่สามารถนำข้อมูลดังกล่าวแทนคำแนะนำทางการแพทย์ได้ คุณควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับผลข้างเคียงที่เป็นไปได้ และแจ้งประวัติทางการแพทย์ของคุณให้ครบถ้วน
ข้อควรระวัง
ทาดาลาฟิลมาพร้อมกับข้อควรระวังหลายประการ
อาการแพ้
- ผื่น
- ลมพิษ
- หายใจ หรือกลืนลำบาก
- เกิดอาการบวมบริเวณริมฝีปาก, ลำคอ และลิ้น
หากอาการเป็นมากขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์ หรือโทร 1669 เรียกหน่วยฉุกเฉิน
หากเคยมีประวัติแพ้ยาทาดาลาฟิลมาแล้ว ไม่ควรใช้ยาดังกล่าวอีก เพราะอาการแพ้อาจรุนแรงขึ้น อาจถึงแก่ชีวิตได้
ส้มโอ (Grapefruit)
การรับประทานส้มโอหรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเกรฟฟรุ๊ต อาจส่งผลเพิ่มระดับของทาดาลาฟิลในกระแสเลือดได้ นั้นยิ่งเป็นการเพิ่มโอกาสเกิดผลข้างเคียงจากยา
แอลกอฮอร์
การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ในปริมาณมากขณะที่ใช้ยาทาดาลาฟิลไปด้วยนั้น ทั้งแอลกอฮอร์และทาดาลาฟิลจะไปออกฤทธิ์ขยายหลอดเลือด ผลที่ตามมาคือความดันโลหิตที่ต่ำ
ผู้ที่มีภาวะสุขภาพ
โรคหัวใจ: กิจกรรมทางเพศอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้ การใช้ทาดาลาฟิลอาจยิ่งเพิ่มความเสี่ยงนั้น จึงไม่ควรใช้ยาทาดาลาฟิลในผู้ที่มีประวัติเป็นโรคหัวใจ หรือแพทย์ประจำตัวให้หลีกเลี่ยงกิจกรรมทางเพศ
ผู้ที่อวัยวะเพศแข็งตัวนาน: ภาวะที่ควรระวังคือภาวะองคชาตแข็งค้าง (priapism) ซึ่งภาวะดังกล่าวทำให้เจ็บปวดมาก เป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากเคยมีประวัติดังกล่าว อาการได้แก่:
- ปัญหาเกี่ยวกับเลือด เช่น โรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียว (sickle cell anemia), โรคมะเร็งไขกระดูก (multiple myeloma) หรือโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (leukemia)
- โรคเพโรนีย์ (Peyronie’s disease) เป็นโรคที่อวัยวะเพศโค้งงอผิดรูป
เป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้น้อย มีการศึกษาการใช้ยาทาดาลาฟิลในมนุษย์ที่มีภาวะดังกล่าว ไม่แนะนำให้รับประทานทาดาลาฟิล เพราะตัวยาจะไปทำให้การมองเห็นยิ่งลดลดน้อยลง เรียกภาวะดังกล่าวว่า NAION (non-arteritic anterior ischemic optic neuropathy)
ในผู้ที่เป็นโรคไต หรือต้องฟอกเลือด: เมื่อใช้ยาทาดาลาฟิล ตัวยาจะสะสมอยู่ในร่างกายนานกว่าคนทั่วไป ฉะนั้นอาจเกิดผลข้างเคียงของยาได้ การเริ่มยาในขนาดต่ำจะช่วยลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได่
ผู้ที่มีปัญหาโรคตับ: การบวนการสังเคราะห์ยาภายในร่างกายผ่านตับจะทำได้ยากขึ้น ก่อให้เกิดการสะสมของยาภายในร่างกายและเพิ่มความเสี่ยงของผลข้างเคียงของยา แพทย์จะเริ่มยาในขนาดต่ำก่อนในช่วงแรก
ในผู้ที่เลือดออกง่ายหรือมีแผลในกระเพาะอาหาร: ยังไม่มีการศึกษาทาดาลาฟิลในกลุ่มคนเหล่านี้ การใช้ทาดาลาฟิลอาจก่อให้เกิดภาวะเลือดออกที่แย่ลงหรือการเกิดแผลที่ไม่ดีขึ้น
ข้อควรระวังในคนกลุ่มอื่นๆ
ในหญิงตั้งครรภ์: มีการศึกษาในสัตว์ทดลอง ไม่มีผลบอกว่ามีผลต่อเด็กในครรภ์ อย่างไรก็ตามยังไม่เพียงพอต่อการตัดสินใจใช้ยาดังกล่าวในหญิงตั้งครรภ์สำหรับภาวะความดันโลหิตสูงในปอด
แจ้งให้แพทย์ทราบหารคุณตั้งครรภ์หรือกำลังวางแผลที่จะมีบุตร
คุณแม่ที่ให้นมบุตร: ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าตัวยาทาดาลาฟิลผ่านทางนมแม่หรือไม่ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา
ในผู้สูงอายุ: ในผู้ที่อายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป กระบวนการทางร่างกายจะดำเนินไปอย่างเชื่องช้า ฉะนั้นแพทย์จะเริ่มยาในขนาดต่ำให้ก่อน แต่จะเพิ่มขนาดยาขึ้นไปไม่มาก เพราะขนาดยาในปริมาณมากอาจก่อให้เกิดอันตรายได้
ในเด็ก: ยังไม่มีการศึกษาตัวยาในเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี
วิธีใช้ยา
อาจไม่มีขนาดยาที่แน่นอน แพทย์จะปรับขนาดยาตามความเหมาะสมกับคุณ เพราะขนาดยาขึ้นอยู่กับ:
- อายุ
- อาการของโรคขณะที่ทำการรักษา
- ความรุนแรงของโรค
- ยาอื่นๆที่ใช้ในการรักษา
- ปฏิกิริยาของคุณที่มีต่อยาในครั้งแรก
ขนาดยา
ชื่สามัญ: Tadalafil
รูปแบบ: ชนิดเม็ดรับประทาน
- ขนาด: 2.5 มก, 5 มก, 10 มก และ 20 มก.
ชื่อทางการค้า: Cialis
- รูปแบบ: ชนิดเม็ดรับประทาน
- ขนาด: 2.5 มก, 5 มก, 10 มก และ 20 มก.
สำหรับต่อมลูกหมากโต (benign prostatic hyperplasia :BPH)
ผู้ใหญ่ (อายุ 18–64 ปี)
- ขนาดทั่วไป: 5 มก. 1 เม็ด/วัน
- ให้รับประทานยาในเวลาเดียวกันทุกวัน ไม่รับประทานยามากกว่าที่แพทย์สั่ง
- การรับประทานร่วมกับยาอื่น: หากรับประทานยาทาดาลาฟิลร่วมกับ finasteride ซึ่งเป็นยารักษาต่อมลูกหมากโตเหมือนกัน ให้คุณรับประทานทาดาลาฟิล 5 มก.วันละครั้ง นาน 26 สัปดาห์
เด็ก (อายุ 0–17 ปี)
ยังไม่มีการศึกษาตัวยาในเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี
ผู้สูงอายุ (อายุ 65 ปีขึ้นไป)
กระบวนการทางร่างกายจะดำเนินไปอย่างเชื่องช้า ฉะนั้นแพทย์จะเริ่มยาในขนาดต่ำให้ก่อน แต่จะเพิ่มขนาดยาขึ้นไปไม่มาก เพราะขนาดยาในปริมาณมากอาจก่อให้เกิดอันตรายได้
สำหรับภาวะอวัยวะเพศไม่แข็งตัว (erectile dysfunction :ED)
ผู้ใหญ่ (อายุ 18–64 ปี)
ให้รับประทานทาดาลาฟิลเมื่อจำเป็นหรือวันละครั้งเท่านั้น ห้ามรับประทานเกินกว่าวันละหนึ่งครั้ง
ขนาดยาเมื่อจำเป็น:
- ขนาดเริ่มต้น: 10 มก.
- การเพิ่มขนาดยา: แพทย์จะเพิ่มขนาดยาไปเป็น 20 มก.หรือปรับลดขนาดยาลงเหลือ 5 มก. ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของยาว่าออกฤทธิ์มากน้อยแค่ไหน
- ใช้ยาเมื่อไร: รับประทานยาทาดาลาฟิล 1 เม็ดก่อนมีกิจกรรมทางเพศ โดยคุณจะสามารถมีกิจกรรมทางเพศได้ 30 นาทีหลังรับประทานยาและยาวนานไปจนถึง 36 ชม.
ขนาดยาสำหรับทุกวัน:
- ขนาดเริ่มต้น: 2.5 มก./วัน
- การเพิ่มขนาดยา: แพทย์จะเพิ่มขนาดยาไปเป็น 5 มก./วัน ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของยาว่าออกฤทธิ์มากน้อยแค่ไหน
- ใช้ยาเมื่อไร: รับประทานยาทาดาลาฟิลทุกวัน โดยรับประทานในเวลาเดียวกันในแต่ละวัน คุณอาจลองมีกิจกรรมทางเพศระหว่างการใช้ยาได้
เด็ก (อายุ 0–17 ปี)
ยังไม่มีการศึกษาตัวยาในเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี
ผู้สูงอายุ (อายุ 65 ปีขึ้นไป)
กระบวนการทางร่างกายจะดำเนินไปอย่างเชื่องช้า ฉะนั้นแพทย์จะเริ่มยาในขนาดต่ำให้ก่อน แต่จะเพิ่มขนาดยาขึ้นไปไม่มาก เพราะขนาดยาในปริมาณมากอาจก่อให้เกิดอันตรายได้
สำหรับภาวะอวัยวะเพศไม่แข็งตัวและต่อมลูกหมากโต (erectile dysfunction and benign prostatic hyperplasia :ED/BPH)
ผู้ใหญ่ (อายุ 18–64 ปี)
- ขนาดทั่วไป: 5 มก. 1 เม็ด/วัน
- ใช้ยาเมื่อไร: รับประทานในเวลาเดียวกันในแต่ละวัน ห้ามรับประทานยาเกินกว่า 1 ครั้งต่อวัน คุณอาจลองมีกิจกรรมทางเพศระหว่างการใช้ยาได้ แต่คุณต้องมีอารมณ์ทางเพศร่วมด้วยเพื่อช่วยให้ยามีประสิทธิภาพในการทำให้อวัยวะเพศเกิดการแข็งตัว
เด็ก (อายุ 0–17 ปี)
ยังไม่มีการศึกษาตัวยาในเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี
ผู้สูงอายุ (อายุ 65 ปีขึ้นไป)
กระบวนการทางร่างกายจะดำเนินไปอย่างเชื่องช้า ฉะนั้นแพทย์จะเริ่มยาในขนาดต่ำให้ก่อน แต่จะเพิ่มขนาดยาขึ้นไปไม่มาก เพราะขนาดยาในปริมาณมากอาจก่อให้เกิดอันตรายได้
สำหรับความดัลโลหิตสูงภายในปอด (pulmonary arterial hypertension :PAH)
ชื่อทางการค้า: Adcirca
- รูปแบบ: ชนิดเม็ดรับประทาน
- ขนาด: 20 มก.
ผู้ใหญ่ (อายุ 18–64 ปี)
- ขนาดเริ่มต้น: 40 มก. (รับประทานเม็ดละ 20 มก.จำนวน 2 เม็ด) วันละครั้ง
- ใช้ยาเมื่อไร: รับประทานในเวลาเดียวกันในแต่ละวัน
เด็ก (อายุ 0–17 ปี)
ยังไม่มีการศึกษาตัวยาในเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี
ผู้สูงอายุ (อายุ 65 ปีขึ้นไป)
กระบวนการทางร่างกายจะดำเนินไปอย่างเชื่องช้า ฉะนั้นแพทย์จะเริ่มยาในขนาดต่ำให้ก่อน แต่จะเพิ่มขนาดยาขึ้นไปไม่มาก เพราะขนาดยาในปริมาณมากอาจก่อให้เกิดอันตรายได้
ข้อควรพิจารณาในการให้ยาขนาดพิเศษ
- ผู้ที่เป็นโรคไต: ร่างกายจะขับยาทาดาลาฟิลออกทางไต หากไตของคุณทำงานบกพร่อง การทานยามากๆอาจก่อให้เกิดการสะสมภายในร่างกาย เพื่อให้ร่างกายขจัดยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ แพทย์ให้ยาในขนาดต่ำ โดยขนาดยาจะเป็นไปตามที่แพทย์กำหนด ขึ้นอยู่กับการทำงานของไต หรือการฟอกเลือดของคุณ
- ผู้ที่เป็นโรคตับ: ทาดาลาฟิลผ่านกระบวนการสังเคราะห์ยาที่ตับ ฉะนั้นหากตับของคุณทำงานบกพร่อง อาจเกิดการสะสมของยาภายในร่างกายได้ การลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น แพทย์ก็จะให้ยาในขนาดต่ำ และปรับยาตามหน้าที่ของตับที่เป็นอยู่
คำเตือน: จุดมุ่งหมายของเราเป็นการให้ข้อมูลที่เป็นปัจจุบันมากที่สุด ถึงแม้ว่าผลข้างเคียงของยาที่กล่าวไปอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน ซึ่งทางเราไม่สามารถยืนยันได้ว่าข้อมูลที่ให้ไปจะเกิดขึ้นทั้งหมด ฉะนั้นไม่สามารถนำข้อมูลดังกล่าวแทนคำแนะนำทางการแพทย์ได้ คุณควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับผลข้างเคียงที่เป็นไปได้ และแจ้งประวัติทางการแพทย์ของคุณให้ครบถ้วน
รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง
การใช้ยาทาดาลาฟิลเป็นเวลานาน อาจนำมาซึ่งความเสี่ยงได้ หากคุณไม่รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง
หากไม่รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง: หากคุณกำลังรักษาภาวะต่อมลูกหมากโต อาการของคุณจะไม่ดีขึ้น ทั้งยังจะเพิ่มความลำบากในการปัสสาวะ, เบ่งปัสสาวะ และปัสสาวะไม่พุ่ง รวมไปถึงปัสสาวะบ่อย
หากคุณกำลังรักษาภาวะอวัยวะเพศไม่แข็งตัว องคชาตของคุณก็จะไปแข็งตัว แม้ว่าจะมีอารมณ์ทางเพศ หรือมีกิจกรรมทางเพศ
หากคุณกำลังรักษาภาวะความดันโลหิตสูงภายในปอด มันจะไม่ช่วยให้อาการของคุณดีขึ้น ยิ่งทำให้อาการยิ่งแย่ลง เช่น หายใจถี่ขึ้นขณะออกกำลังกาย
หากทานยาเกินขนาด:ก็จะเป็นการเพิ่มโอกาสเกิดผลข้างเคียงของยา
หากลืมยา: ให้รับประทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่ไม่มากไปกว่า 1 ครั้ง/วัน อย่ารับประทานยาเป็นสองเท่า เพราะอาจเกิดอันตรายได้
อย่างไรถึงเรียกว่ายามีประสิทธิภาพในการออกฤทธิ์: อาการของคุณจะดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นอาการของต่อมลูกหมากโต, อาการของอวัยวะเพศที่ไม่แข็งตัว หรือภาวะความดันโลหิตภายในปอดสูง
ข้อควรพิจารณาที่สำคัญ
ข้อมูลทั่วไป
- หากแพทย์สั่งให้ทานยาวันละครั้ง คุณควรรับประทานยาทุกวัน โดยเป็นเวลาเดียวกันในแต่ละวัน
- หากตัด หรือหักเม็ดยา ให้รับประทานตามขนาดที่ระบุไว้
การเก็บรักษา
- เก็บยาไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิ 15-30°C (59-86°F)
- อย่าเก็บยาไว้ในที่ที่อุณหภูมิสูง
- หลีกเลี่ยงที่ที่มีความชื้น เช่นห้องน้ำ
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://www.webmd.com/drugs/2/drug-77875/tadalafil-oral/details
- https://www.nhs.uk/medicines/tadalafil/
- https://medlineplus.gov/druginfo/meds/a604008.html
No Responses